วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

iOS 8 ไขให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ พร้อมวิธี backup ข่าวสารที่แล้วทำการอัพเดท

 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ พร้อมวิธี backup ข้อมูลก่อนทำการอัพเดท
สิ้นสุดการรอคอยเสียที เพื่อสาวก iOS เพราะว่า iOS 8 จะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไป ได้ดาวน์โหลดพร้อมกันทั่วโลกแล้ววันนี้ครับ เพราะอุปกรณ์ที่รองรับ iOS 8 ได้แก่
iPhone 4S
iPhone 5
iPhone 5c
iPhone 5s
- iPod touch (5th gen)
- iPad 2
- iPad with Retina display (iPad 3/4)
iPad Air
iPad mini
- iPad mini with Retina display (iPad mini 2)
พร้อมกับก่อนที่จักทำการอัพเดท วันนี้ คณะงาน techmoblog จะมาแนะนำ วิธีการ backup ข้อมูล เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายหลังอัพเดทแล้วนั่นเอง ซึ่งปกติแล้ว การอัพเดท OS ข้อมูลที่อยู่ในตัวเครื่อง จะไม่หายครับ แต่ในบางครั้งถ้าสมมุติอัพเดทแล้ว เกิดโชคร้าย มี error ขึ้นมา ข้อมูลทั้งหมดในตัวเครื่อง อาจจะสูญหายได้นั่นเอง เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เราควรทำการ backup ข้อมูลทุกครั้ง ก่อนทำการอัพเดทนะครับ
เพราะว่าการ back up ข้อมูล ทำได้ทั้งหมด 2 วิธีด้วยกัน นั่นก็คือ ผ่านทาง iCloud ด้วยกัน iTunes ทำเป็นเลือกใช้ได้ตามสะดวกครับ
วิธีการ backup ข้อมูลพ้น iCloud
วิธีการนี้ สะดวกครับ เพียงแค่เข้าไปที่ Settings > iCloud > Storage & Backup > iCloud Backup เเล่าลือกเปิดใช้งานครับ จากนั้น ให้คลิก Backup Now แล้วรอจนกว่าตัวเครื่องจักทำการ backup เสร็จ แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ
อย่างไรก็ดี วิธีการ Backup ด้วย iCloud เหมาะเหตุด้วยผู้ที่มีข้อมูลในตัวเครื่องไม่โข ดังที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ Wi-Fi นั่นเอง อีกอย่างก็คือ พื้นที่ฟรีบน iCloud มีจำกัดแค่ 5 GB ฉะนั้น ผู้ใช้ที่มีข้อมูลมากกว่านี้ ไม่เหมาะที่จะใช้วิธีนี้ครับ
วิธีการ backup ข้อมูลลอด iTunes
วิธีการนี้ ก็สามารถทำได้ง่ายอีกเช่นกันครับ ด้วยการเชื่อมต่อ iPhone หรือไม่ iPad เข้ากับคอมพิวเตอร์ เปิด iTunes ขึ้นมา แล้วเเลื่องลือก Back Up Now จากนั้นก็รอจนกว่าจะ Backup เสร็จ ก็เรียบร้อยครับ
iOS 8 มีอะไรใหม่
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017362661.jpg
เหตุด้วยแอพพลิเคชั่นหลักๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งเพิ่มเติมเข้ามา บน iOS 8 ได้แก่ Photos, Messages, Design, QuickType, Family Sharing, iCloud Drive, Health, Continuity, Spotlight, Developer พร้อมกับ Enterprise มาดูกันครับว่า แต่ละส่วน มีจุดเด่นด้านการใช้งานอย่างไร
Photos
เพราะว่า Photos ไม่ก็แหล่งรวมภาพถ่าย ภาพทุกภาพที่ถูกถ่าย ไม่ว่าเราจักถ่ายภาพด้วย iPhone ไม่ก็ iPad จะถูกบันทึกบนทุกอุปกรณ์ที่เรามี ลอดทาง iCloud Photo Library นั่นเอง นอกจากนี้ ยังอาจค้นหาภาพที่ต้องการได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Photos ยังมีเครื่องมือการแก้ไขภาพถ่ายแบบใหม่ ต่อให้ภาพที่ถ่ายออกมาไม่สวย แสงมืด ไม่ใช่หรือตำแหน่งของภาพไม่ถูกใจ ทำเป็นนำมาปรับแต่งได้ใหม่ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบการปรับความสว่าง ด้วยกัน contrast แบบที่ไม่ต้องพึ่งแอพฯ แต่งภาพอื่นๆ อีกเลย รวมไปถึงการใส่ฟิลเตอร์ ก็มีให้เเลื่องลือกมากมายกว่าเดิมครับ
Messages
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017372671.jpg
Messages หรือไม่ระบบ iMessage แบบเดิมๆ นั่นเองครับ เพราะว่าได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เก่งอัดเสียงแล้วส่งเป็นคลิปเสียงได้แล้ว ส่วนผู้รับ ถ้าต้องการฟังเสียง ก็เก่งยก iPhone ขึ้นฟังได้เลย ซึ่งนอกจากคลิปเสียง Messages ยังสามารถส่งคลิปวีดีโอได้อีกด้วย เรียกได้ว่า เปลี่ยนจากการส่งข้อความแบบธรรมดาๆ ให้มีความหลากหลายมากกว่าเดิม
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017374361.jpg
นอกจากนี้ Messages ยังรอบรู้คุยแบบเป็นกลุ่มได้ด้วยเช่นกัน อาจเพิ่มเพื่อน หรือว่าลบเพื่อนที่ไม่ต้องการออกจากกรุ๊ป นอกจากนี้ ยังสมรรถตั้งไม่ให้แจ้งเตือนตลอดเวลาได้ ด้วยการเปิดฟังก์ชัน Do Not Disturb พร้อมทั้งศักยเข้ามาอ่านตราบใดมีเวลาครับ
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017375341.jpg
ปิดท้ายด้วยการแชร์ Location แทนที่จะพิมพ์ว่าอยู่ที่ไหน กดแชร์ Location ให้เพื่อนได้รับรู้กันไปเลย เรียกได้ว่า ฟีเจอร์นี้ เปิดฝาทัดเทียมคู่แข่งอย่าง LINE บ้างแล้ว
Design
ความน่าสนใจของ iOS 8 นั้น ก็คือเรื่องของการออกแบบอินเทอร์เฟส นั่นเองครับ แม้ว่าอินเทอร์เฟสของ iOS 8 นั้น จักเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ minor change แต่ก็ถือว่า สะดวกต่อการใช้งานมากกว่าเดิม มีอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่า
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017379811.jpg
อย่างแรกก็คือ เรื่องของการแจ้งเตือน หรือ Notification ครับ ปกติแล้ว เวลามีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา ผู้ใช้อาจจักคลิกแล้วเข้าสู่แอพฯ นั้นได้ทันที แต่บน iOS 8 เราสามารถตอบกลับจากหน้าจอเด้งนั้นได้เลย ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนทัก Messages มา แค่ลากลงเพื่อเปิดกล่องข้อความ พิมพ์ แล้วส่ง เพราะว่าที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าตัวแอพฯ เลยนั่นเอง นอกจากข้อความธรรมดาๆ แล้ว การแจ้งเตือนปฏิทินนัดหมาย, อีเมล รวมไปถึง Facebook ก็เก่งตอบได้เลยทันที รวดเร็วทันใจครับ
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017382861.jpg
ปกติแล้ว การกดปุ่ม Home 2 ครั้ง จะเป็นการเข้าสู่เมนู Multitasking แต่บน iOS 8 นี้ Multitasking ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวอีกต่อไปครับ ก็เพราะว่าได้มีการเพิ่ม รายการผู้ติดต่อ ทั้งแบบ Favourite ด้วยกันผู้ติดต่อล่าสุด เพิ่มเข้ามา ซึ่งรอบรู้กดโทร, ส่งข้อความ ใช่ไหมเกริ่นใช้ FaceTime ได้เลยจากที่นี่
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017384801.jpg
ในส่วนของอีเมล ได้มีการเพิ่มลูกเล่นเข้ามาใหม่ ปัดไปด้านขวา เหตุด้วยตั้งเป็น ข้อความที่อ่านแล้ว (Mark as Read) หรือว่าการปัดไปทางซ้าย ได้เพิ่มส่วนของ Flag หรือว่าการปักธงอีเมลที่สำคัญๆ (บน iOS 7 มีแค่ปุ่ม More กับ Trash)
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017385691.jpg
Safari บน iPad เปลี่ยนแปลงใหม่ครับ เพิ่ม Tab view พร้อมด้วย Sidebar แบบใหม่ ที่ผู้ใช้สามารถทำการ bookmarks, เพิ่ม Reading List พร้อมด้วยแชร์ลิงก์ได้ง่ายๆ สะดวกกว่าเดิม
QuickType
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017390411.jpg
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ คีย์บอร์ด บน iOS 8 ครับ เพราะทุกๆ ครั้งที่พิมพ์ จะมีการเดา คำศัพท์ เหรอประโยคถัดไป ให้เร่ำลือกใช้ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ทุกคำให้เสียเวลา นอกจากนี้ iOS 8 ยังฉลาดขึ้น ด้วยการคาดเดาได้ว่า เรากำลังสื่อสารเรื่องอะไรอยู่ ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนพิมพ์ Messages ถามมาว่า Do you want to go for dinner or a movie? เราไม่จำเป็นต้องพิมพ์ Dinner เหรอ Movie ครับ ด้านล่าง จักมีคำขึ้นมาให้เร่ำลือกได้เลย
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017391021.jpg
กับที่สำคัญ ฟีเจอร์เดาคำ นี้ รองรับภาษาไทยด้วย แบบนี้ต้องลองเล่นดูนะครับว่า รองรับภาษาไทยได้สมบูรณ์หรือไม่ไม่
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017392221.jpg
ส่วนใครที่เบื่อคีย์บอร์ด Apple แบบเดิมๆ ระยะนี้ iOS 8 เปิดรับคีย์บอร์ดของนักพัฒนาแล้ว เรียกได้ว่า ชอบใช้คีย์บอร์ดแบบไหน ก็เเล่าลือกได้ตามใจครับ
Family Sharing
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017402051.jpg
คราวหลายเดือนที่ทะลวงมา หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินข่าว ผู้ปกครองฟ้องร้อง แอปเปิล ให้ทำการคืนเงินจากการซื้อแอพฯ เหตุเพราะบุตรหลานของตนเอง เผลอไปกดซื้อแบบไม่ตั้งใจ พร้อมทั้งไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง ทำให้ iOS 8 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ที่มีชื่อว่า Family Sharing ที่เชี่ยวชาญแอด บุคคลในครอบครัวได้สูงสุด 6 คนด้วยกัน ข้อดีก็คือ ทุกๆ ครั้งที่มีการซื้อแอพฯ บน App Store จะมีการแจ้งเตือนไปยัง ผู้ปกครอง ก่อน ทำให้หมดปัญหาเรื่อง บุตรหลานเผลอไปกดซื้อแอพฯ ได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ ยังศักยแชร์รูป, ตารางนัดหมายต่างๆ รวมไปถึง แชร์ Location ได้อีกด้วย
iCloud Drive
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017404351.jpg
iCloud Drive หรือไม่ก็ Dropbox เวอร์ชัน iOS 8 ได้รับการปรับปรุงใหม่ จากเดิมที่รองรับเฉพาะไฟล์เอกสาร ตอนนี้ รองรับไฟล์ได้ทุกอันดับครับ ทั้ง Presentation, Spreadsheet, PDF, รูปภาพ, เพลง หรือวีดีโอ ซึ่งเป็นได้เข้าถึงด้วยอุปกรณ์ใดก็ได้ ทั้ง iPhone, iPad, iPod touch, Mac รวมไปถึง Windows PC
โดยการแก้ไขไฟล์ต่างๆ จะเป็นแบบ เรียลไทม์ ครับ สมมติว่า เปิดไฟล์เอกสารบน Mac และทำการแก้ไขอยู่ ส่วนอีกคน เปิดไฟล์เดียวกัน บน iPhone ก็จะเห็นว่า ไฟล์กำลังถูกแก้ไขเช่นกัน เรียกได้ว่า สะดวกมากทีเดียว
Health
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017408931.jpg
แม้ว่าในงาน จะยังไม่มีการเปิดตัว iWatch นาฬิกาอัจฉริยะ แต่ทางแอปเปิล ก็ตั้งต้นเน้นเรื่องสุขภาพมากขึ้นแล้ว กับแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า Health ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านร่างกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ, การเผาผลาญแคลอรี่, ระดับน้ำตาลในเโจษจันด, คอเรสเตอรอล กับอื่นๆ ทะลุทะลวงทางแอพพลิเคชั่นด้านสุขภาพต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือเพื่อนักพัฒนา ที่มีชื่อว่า HealthKit ในการพัฒนาแอพฯ เพื่อสุขภาพ เนื่องด้วยใช้งานบน iOS 8 ด้วย ซึ่งในอนาคต น่าจักมีแอพฯ เพื่อสุขภาพให้ดาวน์โหลดกันบน App Store มากมายทีเดียว
Spotlight ฉลาดขึ้นกว่าเดิม
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017413151.jpg
Spotlight เวอร์ชันเดิมๆ เน้นค้นหาเฉพาะแอพพลิเคชั่น หรือว่าอีเมล เท่านั้น แต่เพื่อ Spotlight บน iOS 8 รอบรู้ค้นหาได้หลากหลายมากขึ้นครับ ไม่ว่าจักเป็น Wikipedia, ค้นหาข่าวสาร, สถานที่ใกล้เคียง, iTunes Store, App Store, iBooks Store, แนะนำเว็บไซต์ที่น่าสนใจ รวมไปถึง ตารางภาพยนตร์ที่เข้าฉาย
iOS 8 รองรับการเชื่อมต่อระหว่าง iPhone, iPad กับ Mac แล้ว
นับตั้งแต่ iOS 7 เป็นต้นมา อุปกรณ์ iOS กับ Mac เป็นได้รองรับการทำงานด้วยกันได้บ้างแล้ว แต่บน iOS 8 พร้อมกับ OS X Yosemite ที่โหมโรงพร้อมกันในงาน WWDC 2014 รองรับฟีเจอร์การใช้งานร่วมกันมากขึ้น ไม่ว่าจักเป็น
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017420391.jpg
Handoff ทุกๆ ครั้งที่มีการล็อกอินสร้างผ่าน iCloud ด้วยบัญชีเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเปิดอ่านเว็บไซต์อะไร, กำลังตอบอีเมล หรือไม่ก็แก้ไขไฟล์เอกสารตัดผ่าน Pages ข้อมูลไม่ใช่หรือข้อความดังกล่าว ก็จะปรากฏบนอุปกรณ์ทุกเครื่อง ที่มีการล็อคอินด้วยบัญชีเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น กำลังเขียนอีเมลบน Mac ครั้งเปิดบน iPhone ก็จักมีอีเมลแบบ draft ปรากฏด้วยเช่นกัน
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017420031.jpg
iPad ด้วยกัน Mac สามารถรับโทรศัพท์ได้แล้ว!! เพื่อนๆ อ่านประโยคนี้ไม่ผิดหรอกครับ แม้ว่า iPad ด้วยกัน Mac จักเป็นอุปกรณ์ที่ไม่รอบรู้ใช้โทรศัพท์ได้ แต่ iOS 8 พร้อมกับ OS X Yosemite เนรมิตทุกอย่างให้เป็นแน่ๆได้ สมมติว่า iPhone อยู่ในกระเป๋า แต่เรากำลังพิมพ์งานบน MacBook อยู่ จนถึงมีสายเรียกเข้า จักมีข้อความแจ้งเตือนปรากฏบนหน้าจอ Mac ซึ่งเราอาจรับสายได้ทันทีครับ แต่ฟีเจอร์นี้ มีข้อแม้ก็คือ จะต้องมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi เดียวกัน พร้อมกับ iPhone ที่ใช้ต้องรัน iOS 8 ด้วย จึงจะสมรรถใช้ได้
ไม่เท่าเท่านั้น ยังรอบรู้กดโทรออกได้ จากเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์บน Safari, บนปฏิทิน ด้วยกันบนสารบาญผู้ติดต่อได้เลย (จาก Mac หรือ iPad)
iOS 8 รองรับบนอุปกรณ์ใดบ้าง
src=http://www.techmoblog.com/uploads/content_images/201406/images_14017421571.jpg
เพราะด้วยอุปกรณ์ที่รองรับ iOS 8 ได้แก่ iPhone 4S, iPhone 5, iPhone 5C, iPhone 5S, iPod touch 5th generation, iPad 2, iPad with Retina display (iPad 4), iPad Air, iPad mini และ iPad mini with Retina (iPad mini 2)

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> thaizones-hitech.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น