วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

เรียนรู้เกี่ยวกับ…แฟลช

เรียนรู้เกี่ยวกับ…แฟลช

แฟลชเป็นหนึ่งรูปแบบการถ่ายภาพที่มีความซับซ้อน Marcus Hawkins จะแสดงวิธีการทำให้ทุกๆ สิ่งง่ายยิ่งขึ้น…
- กล้องของผมมีแฟลชในตัวที่จะยิงออกมาเวลาที่แสงน้อย มีอย่างอื่นที่ผมต้องทราบอีกไหม?
          แฟลชในกล้องของคุณสามารถเพิ่มความสวยงามให้กับภาพผลลัพธ์ได้ อย่างเช่นช่วยปรับเงาภาพให้สว่างขึ้นในการถ่ายภาพบุคคลในร่ม การเพิ่มประกายตา หรือการถ่ายภาพในความมืด อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของแฟลชที่เล็ก มีกำลังต่ำ และตำแหน่งที่ตายตัวบนกะโหลกกล้อง ผลลัพธ์ที่ได้จึงค่อนข้างจำกัด และภาพที่ถ่ายจากแฟลชติดตัวกล้องนั้นก็มักจะกระด้างไร้ชีวิตชีวา
 - ทำไมถึงแย่อย่างนั้นล่ะ?
          โดยตัวของมันเองก็ไม่ได้แย่หรอก แต่เนื่องจากแฟลชมักจะอยู่ในตำแหน่งเดิม แสงจึงพุ่งออกมาจากทิศทางเดียว และนี่ก็ทำให้ทางเลือกของคุณถูกจำกัด อย่างเช่นเวลาที่คุณถือกล้องในแนวตั้ง แสงแฟลชก็จะออกมาทางซ้ายหรือทางขวาของเฟรมภาพเสมอ ซึ่งมักจะก่อให้เกิดเงาพาดผ่านเข้ามาในภาพได้
          นอกจากนั้นการที่แฟลชอยู่ใกล้กับเลนส์ยังเพิ่มโอกาสการเกิดอาการตาแดง (Red-eye) ซึ่งแสงจากแฟลชสะท้อนดวงตาของตัวแบบกลับเข้ามายังเลนส์ถ่ายภาพ โชคดีที่คุณไม่จำเป็นต้องลบภาพเหล่านี้ทิ้งไปเพราะคุณยังสามารถปรับแก้ภาพ ลักษณะนี้ได้ด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพ
          แฟลชในตัวกล้องมักมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของตัวแบบ และยิ่งคุณอยู่ห่างตัวแบบมากเท่าไหร่ แฟลชก็จะยิ่งมีขนาดเล็กลงเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นแสงที่มีความกระด้างและมีทิศทางซึ่งส่งผลให้เกิดไฮไลต์ และชาโดว์ที่เข้มจัด นอกจากนั้นแฟลชป๊อปอัพยังมีกำลังต่ำทำให้แสงไม่สามารถครอบคลุมตัวแบบทั้งตัว ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ช่างภาพที่จริงจังต่างหาแฟลชภายนอกที่มีกำลังและความ ยืดหยุ่นสูงมาใช้งาน
 - อะไรคือข้อดีของแฟลชภายนอก?
          นอกจากกำลังที่เพิ่มขึ้นซึ่งทำให้แสงตกถึงตัวแบบในระยะไกลได้แล้ว ข้อดีของแฟลชประเภทนี้ก็คือความสามารถในการใช้งานแยกกับตัวกล้อง แน่นอนว่าคุณสามารถเสียบแฟลชเข้าที่ฮอตชูแฟลชแล้วใช้งานได้เลย แต่นั่นก็เป็นตำแหน่งที่จำกัดเช่นเดียวกับแฟลชป๊อปอัพในตัวกล้อง
          การย้ายตำแหน่งแฟลชให้ห่างออกมาจากตัวกล้องจะช่วยทำให้ภาพผลลัพธ์ดูเป็น ธรรมชาติและมีความสวยงามมากขึ้น ซึ่งคุณจะสามารถผสมผสานแสงแฟลชเข้ากับแสงธรรมชาติ รวมถึงการควบคุมตำแหน่งของเงาที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการใช้สายเคเบิลเชื่อมต่อระหว่างแฟลชและกล้องถ่ายภาพ แต่สายเคเบิลเหล่านี้มักจะสั้นและทำให้มีข้อจำกัดในการใช้งานในหลายๆ สถานการณ์
กล้อง SLR และแฟลชรุ่นใหม่ๆ จะสามารถเชื่อมต่อสัญญาณแบบไร้สายได้ ทำให้คุณมีอิสระในการจัดวางตำแหน่งของแฟลชอย่างที่คุณต้องการได้ ในการใช้งานระบบนี้ คุณสามารถใช้แฟลชครั้งละหลายๆ ตัวและยิงแฟลชทั้งหมดพร้อมกันได้ ส่งผลให้คุณสามารถเปิดแสงในพื้นที่ขนาดใหญ่และสร้างภาพที่เปี่ยมไปด้วยความ สร้างสรรค์ได้
 - แฟลชเฉพาะกิจใช้งานยากไหม?
          ถ้าย้อนกลับไปในวันที่เราต้องมานั่งคำนวณค่ากล้องและค่าแฟลชเพื่อให้ได้ ค่าการเปิดรับแสงที่เหมาะสมแล้วละก็ แฟลชในปัจจุบันใช้งานไม่ยากเลย เพราะกล้องจะทำการคำนวณปริมาณแสงโดยใช้ระบบ TTL (Through The Lens) ซึ่งในโหมดแฟลชแบบ TTL นั้น กล้องจะทำการวัดปริมาณแสงที่สะท้อนจากตัวแบบกลับเข้ามาในเลนส์ จากนั้นกล้องจะทำการตัดแสงแฟลชเมื่อตัวแบบได้รับแสงในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว
          อย่างไรก็ตาม มันก็เหมือนกับการถ่ายภาพโดยไม่ใช้แฟลช เพราะกล้องจะไม่มีทางหาค่าการเปิดรับแสงที่แม่นยำให้คุณได้ เครื่องวัดแสงจะพยายามหาค่าโทนกลาง ดังนั้นตัวแบบที่มีพื้นที่สีขาวหรือสว่างขนาดใหญ่จึงมักทำให้ภาพผลลัพธ์เข้ม กว่าที่ควรจะเป็น นั่นก็เพราะกล้องจะตัดแสงแฟลชเร็วกว่าที่ควรเนื่องจากกล้องคิดว่าตัวแบบโทน สว่างนั้นเป็นตัวแบบโทนกลางที่อาจจะได้รับแสงโอเวอร์ ส่วนตัวแบบโทนสีเข้มก็จะมีเอฟเฟ็คท์ตรงกันข้าม เพราะแฟลชจะเพิ่มปริมาณแสงเข้าไปเพื่อทำให้ตัวแบบสีเข้มมีโทนที่สว่างมาก ยิ่งขึ้น
          “กล้อง SLR และแฟลชรุ่นใหม่ๆ มีระบบเชื่อมต่อสัญญาณไร้สายที่ให้อิสรภาพในการทำงานแก่คุณ”
 อธิบาย ข้อดีของแฟลชเฉพาะกิจ
เปิดแสงให้ตัวแบบของคุณในขณะที่ควบคุมทุกอย่างได้อย่างเบ็ดเสร็จ
          แฟลชเฉพาะกิจมีความสามารถในการควบคุมและมีกำลังสูงกว่าแฟลชป๊อปอัพในตัว กล้อง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีขนาดใหญ่กว่าแฟลชป๊อปอัพมาก คุณสามารถควบคุมแสงจากทิศทางที่คุณต้องการได้ ถ้าหากคุณอยากจะอัพเกรดแฟลชของคุณ เลือกหัวแฟลชเฉพาะกิจเป็นรายการแรกของคุณเลย
          แฟลชเฉพาะกิจถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับระบบกล้องที่กำหนดและมีความ สามารถในการควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ จำนวนมาก แต่นั่นไม่ได้หมายถึงแฟลชที่ผลิตโดยผู้ผลิตกล้องเท่านั้น เพราะยังมีแฟลชเฉพาะกิจจากบริษัทอื่นๆ ที่มีราคาถูกกว่าให้คุณเลือกด้วยเช่นกัน
DCM143.shoot_basics.off_camera03
แยกนอกตัวกล้อง
อุปกรณ์ที่สำคัญ
          สายแยกแฟลช (Off-camera) จะช่วยให้คุณรักษาการเชื่อมต่อระหว่างแฟลชและกล้องถ่ายภาพ แต่คุณจะมีอิสระในการวางตำแหน่งของ แฟลช เพื่อที่จะปรับแสงแฟลชให้นุ่มนวลมากขึ้น ให้ใช้อุปกรณ์กรองแสงสวมทับที่ แฟลช อุปกรณ์ตัวนี้มีหลายสไตล์และขนาดให้คุณเลือกในท้องตลาด
DCM143.shoot_basics.position01
บนตัวกล้อง
หัวแฟลชที่ยืดหยุ่น
          ส่วนหัวของแฟลชสามารถหมุนในตำแหน่งแนวตั้งและแนวนอนได้หลายทิศทาง ความสามารถในการเคลื่อนไหวนี้มีประโยชน์เวลาที่คุณถ่ายภาพในอาคาร มันทำให้คุณสามารถยิงแสงแฟลชสะท้อนเพดานหรือกำแพงเพื่อปรับแสงให้มีลักษณะ ที่กว้างและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
 อธิบาย        
การตั้งค่ากล้อง
วิธีการปรับค่ากำลังแฟลชด้วยสามวิธีง่ายๆ และรวดเร็ว…
DCM143.shoot_basics.expose01
ค่าการเปิดรับแสงแฟลช
          วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้ภาพถ่ายแสงแฟลชของคุณมืดหรือสว่างขึ้นนั้นก็ คือการชดเชยค่าการเปิดรับแสงแฟลช ให้คุณกดปุ่มที่มีสัญลักษณ์แฟลช +/- แล้วหมุนแป้นควบคุมเพื่อปรับค่าให้ภาพสว่างขึ้น (+) หรือมืดลง (-)
DCM143.shoot_basics.expose02
เปลี่ยนช่องรับแสง
          เลือกช่องรับแสงขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มระยะทางของแสงแฟลชให้ไกลมาก ขึ้น แฟลชรุ่นสูงๆ จะมีจอด้านหลังซึ่งคุณสามารถดูข้อมูลและกำหนดระยะของแสงแฟลชได้ ค่าแฟลชจะเพิ่มขึ้นและลดลงตามที่คุณปรับเปลี่ยนค่าช่องรับแสง
DCM143.shoot_basics.expose03
เปลี่ยน ISO
          การเพิ่มค่าช่องรับแสงจะช่วยเพิ่มระยะของแสงแฟลช วิธีนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อแสงแฟลชเท่านั้น แต่จะส่งผลต่อค่าการเปิดรับแสงโดยรวมด้วย ดังนั้นให้คุณตรวจดูค่าความไวชัตเตอร์ไม่สูงเกินกว่าค่าความไวสัมพันธ์แฟลช ซึ่งจอข้อมูลอาจมีการกระพริบเตือน
 - ผมจะปรับเปลี่ยนค่าการเปิดรับแสงแฟลชได้อย่างไร?
          มีอยู่หลายวิธีด้วยกันที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพและปริมาณของแสงแฟลช ได้ แต่ปัจจัยที่มีผลต่อค่าการเปิดรับแสงแฟลชในภาพมากที่สุดก็คือช่องรับแสง ยิ่งช่องรับแสงมีขนาดใหญ่เท่าใด ภาพๆ นั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้แสงมากนักสำหรับค่าการเปิดรับแสงแฟลช ดังนั้นคุณจึงสามารถเปิดแสงให้ตัวแบบที่อยู่ไกลออกไปได้ด้วยแสงแฟลช ส่วนช่องรับแสงขนาดเล็กทำให้คุณต้องใช้แสงจำนวนมากในการสร้างค่าการเปิดรับ แสง ดังนั้นแฟลชจึงจำเป็นต้องอยู่ใกล้กับตัวแบบมากขึ้น
          นอกจากนั้นการเพิ่มค่า ISO ยังสามารถใช้ในการเพิ่มระยะการทำงานของแสงแฟลชได้ ค่า ISO สูงจะทำให้เซ็นเซอร์มีความไวต่อแสงมากขึ้น แต่การปรับเปลี่ยนค่าทั้งสองนี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อค่าการเปิดรับแสงที่กำหนด ด้วยเครื่องวัดแสง TTL โดยตรง การที่ปรับค่าการเปิดรับแสงที่ถูกคำนวณออกมานั้น คุณสามารถใช้คำสั่งชดเชยค่าการเปิดรับแสงแฟลช (Flash compensation) ในกล้องเพื่อสั่งให้ภาพต่อไปนั้นมืดหรือสว่างขึ้นได้ การปรับชดเชยแสงในทางบวกจะทำให้ค่าการเปิดรับแสงแฟลชสว่างขึ้น ขณะที่การปรับในทางลบก็จะทำให้ภาพมืดลง
 - กล้องของผมมีโหมด “Sync” หลายโหมด ผมควรใช้โหมดไหน?
          ค่าแฟลชแบบ “First Curtain Sync” นั้นเหมาะกับการถ่ายภาพทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีบางโอกาสที่แบบ “ม่านชัตเตอร์ชุดสอง” หรือ “Rear Curtain Sync” จะเหมาะกว่า อย่างในกรณีที่คุณแพนกล้องเพื่อถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนที่
          ในโหมดม่านชัตเตอร์ชุดแรกนั้น แฟลชจะยิงออกไปเวลาที่คุณกดปุ่มลั่นชัตเตอร์ ทำให้คุณสามารถกะจังหวะในการถ่ายภาพได้ ส่วนในโหมดม่านชัตเตอร์ชุดสองนั้น แฟลชจะถูกยิงออกไปในช่วงท้ายของค่าการเปิดรับแสง แม้ว่าคุณจะกะจังหวะการถ่ายภาพยากขึ้น แต่ “เส้น” ความเบลอที่เกิดขึ้นการจากเคลื่อนไหวจะปรากฏอยู่ด้านหลังของตัวแบบ กล้องของคุณอาจจะมีโหมด High Speed Sync และ Slow Speed Sync ซึ่งเราได้อธิบายไว้ในกรอบทางด้านขวานี้แล้ว
คำแนะนำในการถ่ายภาพ ปัญหาการใช้แฟลช
ปัญหาที่พบบ่อยเวลาที่คุณถ่ายภาพด้วยแฟลช
 DCM143.shoot_basics.prob_reflect
วัตถุสะท้อนแสง? เพิ่มกำลังไฟ
          ระบบวัดแสงแฟลชอาจสับสนเมื่อเจอวัตถุที่สะท้อนแสง แสงที่สะท้อนกลับเข้ามาที่เลนส์จะส่งผลให้กล้องตัดแสงแฟลชก่อนเวลาที่เหมาะ สม ในการแก้ปัญหานี้ ให้ปรับชดเชยค่าการเปิดรับแสงแฟลชไปในทางบวก หรือเล็งเลนส์ไปที่ฉากหลังแล้วใช้คำสั่ง Flash Exposure Lock เพื่อค่าการเปิดรับแสงที่แม่นยำ

DCM143.shoot_basics.prob_wide
ขอบภาพดำ? เลนส์กว้างเกินไป
          แฟลชจะให้แสงสว่างครอบคลุมช่วงความยาวโฟกัสที่จำกัด (อย่างเช่น 24 มม. ถึง 105 มม.) ส่วนแฟลชรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบซูมให้เข้ากับทางยาวโฟกัสของเลนส์ที่ใช้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเป็นเลนส์มุมกว้าง คุณอาจต้องใช้แฟลชร่วมกับแผ่นกระจายแสงมุมกว้างที่ซ้อนอยู่บริเวณหัวแฟลชได้
DCM143.shoot_basics.prob_back
ฉากหลังมืด? ปรับให้ช้าลง
          ถ้าฉากหลังในภาพที่ใช้แฟลชนั้นมืดมากๆ ให้คุณตั้งกล้องไว้ที่โหมด Slow Sync Flash วิธีนี้จะตั้งค่าความไวชัตเตอร์ให้ช้าลงเพื่อบันทึกรายละเอียดฉากหลังได้มาก ขึ้น แต่ถ้าความไวชัตเตอร์ที่ใช้นั้นต่ำเกินกว่าที่จะได้ภาพที่คมชัดแล้วล่ะก็ ให้เพิ่มค่า ISO จนกระทั่งคุณได้ค่าความไวชัตเตอร์ที่สูงพอที่จะถือกล้องถ่ายได้
วิธีการ ตั้งค่า Sync
ใช้ค่าความไวชัตเตอร์ที่สูงที่สุดเวลาเชื่อมต่อแฟลช
          ค่าความไวชัตเตอร์จะมีอิทธิพลต่อปริมาณแสงธรรมชาติที่จะถูกบันทึกลงในภาพ และมีบทบาทที่สำคัญของความสัมพันธ์แฟลชหรือ “X-sync” นี่คือค่าความไวชัตเตอร์ที่สูงที่สุดที่คุณสามารถเลือกใช้ได้เวลาที่คุณใช้ งานร่วมกับแฟลช โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ราวๆ 1/200 วินาที
DCM143.shoot_basics.sync_highspeed_yes
High Speed Sync
          ค่าความสัมพันธ์แฟลชที่มีค่าจำกัดนั้นอาจมีปัญหาในการถ่ายภาพภายใต้สภาพ แสงที่สว่างจ้า ทางออกก็คือ การใช้โหมด High Speed Sync ในแฟลชของคุณ หรือไม่เช่นนั้นคุณสามารถใช้ช่องรับแสงที่เล็กลง และ/หรือเลือกใช้ค่า ISO ที่ต่ำลงเพื่อลดค่าความไวชัตเตอร์สำหรับค่าการเปิดรับแสงธรรมชาติให้อยู่ใน ระดับเดียวกับค่าความสัมพันธ์แฟลช
DCM143.shoot_basics.sync_slow
Slow Sync
          เปลี่ยนมาใช้โหมด Slow Sync เวลาถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย กล้องจะทำการเลือกค่าการเปิดรับแสงที่นานกว่าค่าการใช้แฟลชปกติ การเคลื่อนไหวของกล้องหรือตัวแบบที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกไว้ ดังนั้นถ้าคุณไม่ต้องการความเบลอที่มากเกินไป (อย่างในภาพด้านบน) ให้คุณตั้งกล้องบนขาตั้งกล้องหรือเพิ่มค่า ISO
สนับสนุนเนื้อหา: www.digitalcamera-thailand.com
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น