วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Samsung Galaxy S5 ใช้จอขนาด 5.25 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K

Samsung Galaxy  ใช้จอขนาด 5.25 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K

แม้จะมีข่าวไม่ค่อยดีนักกับการผลิต Samsung Galaxy S5 ที่อาจจะต้องใช้พลาสติกโพลีคาร์บอเนตต่อไปแทนที่จะเป็นอลูมิเนียม อย่างไรก็ดีสมาร์ทโฟนเรือธงประจำปี 2014 จะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
รายงานจาก DDaily เปิดเผยว่า Samsung ได้เริ่มผลิตหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 5.25 นิ้ว สำหรับ Galaxy S5 พร้อม การจัดเรียงพิกเซลในรูปเพชรที่คล้ายกับที่ใช้ในหน้าจอ Galaxy S4 และ Galaxy Note 3 แต่จะมีความคมชัดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ความละเอียดของการแสดงผลจะอยู่ที่ 2560 x 1440 พิกเซล (Quad HD) และความหนาแน่นของพิกเซลเพิ่มเป็น 560 ppi
ในส่วนของสเปคอื่นๆ ที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy S5 คือการใช้ชิปเซ็ตแบบ 64-bit ครั้งแรก, แรม 3GB, กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล และรันระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat
สำหรับผู้ใช้ Samsung ท่านใดที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะตัวเครื่องจากพลาสติกโพลีคาร์บอเนต ไปเป็นอลูมิเนียมล่ะก็ งานนี้ต้องลุ้นกันหนัก ส่วนตัวเครื่องโค้งงอแบบ Galaxy Round คงยังไม่ใช่สำหรับ Galaxy S5 ครับ
อ้างอิงจาก sammobile
สนับสนุนเนื้อหา: Arip
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

iPhone 6 จอใหญ่ขึ้น เปิดตัวพฤษภาคม 2557

 จอใหญ่ขึ้น เปิดตัวพฤษภาคม 2557

ข่าวลือล่าสุดจากผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับ Apple อ้างว่าในเดือนพฤษภาคมปี 2557 จะมีการเปิดตัว iPhone 6 และเป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่จะขยับตัวสู่ความเป็น Phablet (แฟ็บเล็ต)
iphone-6-comingsoon
iPhone 6 จะมีการเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2557 พร้อมการออกแบบชิปประมวลผลด้วยสถาปัตยกรรมขนาด 20 นาโนเมตร ซึ่งจะได้ผู้ผลิตจากไต้หวันเป็นผู้รับผิดชอบการผลิตให้ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ iPhone 6คือการปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น โดยขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีขนาดเท่าใดระหว่าง 4.5 – 5 นิ้ว
อย่างไรก็ด Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก KGI ประเมินว่า Apple กำลังวางแผนเปิดตัว iPhone ขนาดหน้าจอ 4.5 – 5 นิ้ว ในปี 2557 แต่คงจะไม่มีหน้าจอขนาดเกินกว่า 5 นิ้ว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อการใช้งานด้วยมือเดียว
ทั้งนี้สมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้ผลิตหลายเจ้าในตอนนี้นำหน้า Apple อยู่พอสมควร ดังนั้นจากสถานการณ์ดังกล่าวจึงน่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กับ iPhone รุ่นต่อไป และเชื่อว่าการพัฒนาที่กำลังจะเกิดขึ้นจะช่วยให้ Apple กลับมาครองเบอร์ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนได้อย่างแท้จริง
อ้างอิงจาก appleinsider
สนับสนุนเนื้อหา: Arip
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

5 เรื่องโง่ของคนใช้ Mac ที่คุณควรรู้ !!!

5 เรื่องโง่ของคนใช้ Mac ที่คุณควรรู้ !!!

Mac เป็นคอมพิวเตอร์ของทาง  ที่เชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากได้จับจองมาเป็นเจ้าของกัน โดยถ้าเป็นในส่วนของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็จะมี Mac mini, iMac และ Mac Pro หรือถ้าเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาก็จะเป็น MacBook Air, MacBook Pro และ MacBook Pro Retina ซึ่งอย่างที่รู้ดีกันอยู่แล้วก็คือ Mac เป็นคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบได้อย่างสวยหรู มีความโดดเด่น มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Mac OS ที่ใช้งานง่ายและมีความสเถียรสูงอย่าง OS X นอกจากนี้ยังมีของแต่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนของฮาร์ดเคสกันรอยหลากสีที่เราเลือกใส่ได้ตามใจ รวมไปถึงมีฟิล์มกันรอยติดรอบเครื่อง
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีผู้ใช้งาน Mac น้อยคนนัก ที่จะเข้าใจความเป็น Mac หรือข้อจำกัดจริงๆ โดยในบทความนี้เราก็เลยจะมาพูดคุยในเรื่องของสิ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับ Mac กัน 5 เรื่องโดยเรื่องเหล่านั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน หรือเป็นเรื่องที่บอกต่อกันมา รวมไปถึงเป็นเรื่องที่ใครๆ เขาก็ทำกัน ไม่ว่าจะเป็น Mac, Macbook หรือ OS X ก็ตาม ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าเท็จจริงแค่ไหน ฉะนั้นบทความนี้เราจะมาพูดถึงความจริงที่เกี่ยวข้องกับ Mac ที่เราควรทราบและทำความเข้าใจกันซักหน่อย ถึงแม้ในหัวข้อเรื่องทางผู้เขียนดูเหมือนจะจั่วแรงๆ เกี่ยวกับ Mac แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกนะครับ (คนไม่รู้ก็ไม่ได้หมายความว่าโง่นะจ๊ะ)

1. Mac OS X ไม่มีไวรัส

ต้องเรียกว่า OS X เป็นเรื่องแรกๆ ที่ผู้คนส่วนมากที่ใช้ Mac หรือไม่ใช่ Mac ก็ตาม มีความเข้าใจผิดๆ กัน ว่าระบบปฏิบัติการ OS X ของ Mac นั้นไม่มีไวรัสอยู่เลย ความเป็นจริงแล้วต้องบอกว่ามีนะครับ แต่ก็ถือว่าพบเจอได้น้อยมาก เพราะด้วยระบบปฏิบัติการ OS X ยังมีสัดส่วนน้อยกว่า Windows อยู่มาก ทำให้บรรดาคนเขียนไวรัสขึ้นมานั้นมีสัดส่วนที่น้อยตาม เอาเป็นว่าถ้าใครใช้ Mac แล้วบังเอิญติดไวรัสบน OS X ก็ถือว่าโชคดี อารมณ์ประมาณนกบินมาอึใส่หัวก็แล้วกันนะครับ (ฮา)
อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือ บนเครื่อง Mac นั้นมีโอกาสที่จะเป็นพาหะนำไวรัสบน Windows จากเครื่องไปติดอีกเครื่องหนึ่งได้เป็นอย่างดี  โดยผ่านทางฮาร์ดดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟที่ก๊อบไฟล์ข้ามกันไปมา ฉะนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือหมั่นสแกนไวรัสสื่อบันทึกต่างๆ ด้วยโปรแกรมสแกนไวรัสของฝั่ง Windows  กันบ้างนะครับ ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้ (เพราะเดี๋ยวจะโดนคนใช้ Windows หาว่า OS X เอาไวรัสมาติดนะ)

2. OS X บน Mac ไม่มีวันแฮงค์

แม้ระบบปฏิบัติการ OS X ที่ใช้งานใน Mac จะได้รับการโฆษณาจากทาง  Apple ว่ามีความสเถียรที่สูงหรือไว้ใจได้มากเพียงใด ก็ต้องบอกว่าในส่วนของการใช้งานจริงนั้นบน OS X นานๆ ทีก็มีอาการหลอนบ้างในบางครั้ง โดยจากประสบการณ์ใช้งาน OS X ด้วยตนเองที่ผ่านมานั้น พบว่ามีอาการแฮงค์หรือค้างไปบ้างในบางเวลา เฉลี่ยแล้วก็ตกปีละประมาณ 2 ครั้ง รวมไปถึงยังมีกรณีที่เปิดไม่ติดเลย ซึ่งก็ต้องอาศัยการ Restore จาก Time Machine ของ OS X เข้าช่วยเหมือนกัน (อันนี้เป็นอยู่ 2 ครั้ง)
แน่นอนว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ฉะนั้นก็ไม่ควรที่จะวางใจในส่วนของระบบปฏิบัติการ OS X ของเครื่อง Mac แบบ 100% เป็นไปได้ผู้ใช้งานเองก็ควรที่จะ Backup ข้อมูลบน OS X เอาไว้บ้าง เพราะสมมุติว่าข้อมูลหายไปหรือเครื่องเปิดไม่ติดขึ้นมาจริงๆ เราคงต้องได้รับความลำบากอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าคิดให้ดีขนาด OS X เองยังต้องมี Time Machine โปรแกรม Backup ติดตั้งมาให้เลย ซึ่งต้องบอกว่าถ้าใครไม่เคยใช้งานเลยก็แนะนำให้เปิดใช้งานบน OS X กันนะครับ ยังไงก็ปลอดภัยไว้ก่อน 

3. Mac ใส่ฮาร์ดเคสหรือติดกันรอยรอบตัวเครื่อง

นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเรื่องหนึ่งทีเดียว เพราะคนส่วนมากที่ใช้งาน MacBook ที่ไม่ว่าจะ MacBook Air หรือ MacBook Pro นั้นทำกัน นั่นก็คือการซื้อฮาร์ดเคสมาใส่ โดยถ้าใครนึกอุปกรณ์เสริมอย่างฮาร์ดเคสบน Mac ไม่ออก ก็ต้องบอกว่าอารมณ์เหมือนกับเคสมือถือที่เราใส่กันทั่วไปเลยซึ่งเป็นตัวช่วย ในเรื่องของความสวยงามหรือกันรอย ที่โดยส่วนมากนั้นฮาร์ดเคสของ MacBook จะมีอยู่สองชิ้นด้วยกันก็คือ ชิ้นบนไว้ครอบฝาจอ และอีกชิ้นไว้ครอบฝาเครื่อง หรืออีกหนึ่งประเภทกันรอยก็คือ ฟิล์มกันรอย ซึ่งจะเป็นลักษณะฟิล์มใส โดยการใช้งานก็จะเป็นการติดรอบตัวเครื่อง Mac ทั้งหมด เพื่อป้องกันรอยต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเครื่องแบบไม่คาดคิดได้
รู้หรือไม่ว่าการที่เราจับเอา MacBook ไปใส่ฮาร์ดเคสหรือติดฟิล์มกันรอยรอบตัวเครื่องนั้น เป็นการทำร้ายเครื่องสุดที่รักของเราทางอ้อม เพราะ MacBook นั่นอาศัยการระบายความร้อนด้วยตัวเครื่องที่วัสดุทำจากโลหะที่มีคุณสมบัตินำ ความร้อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเราเอาฮาร์ดเคสหรือติดฟิล์มกันรอยมาติดนั้น ทำให้การนำความร้อนออกจากตัวเครื่องทำไม่ได้อย่างเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ตัวเครื่องภายในสะสมความร้อนมากยิ่งขึ้น พัดลมทำงานหนักขึ้น แน่นอนว่าจะให้อายุ MacBook ของเราสั้นลงกว่าที่ควรแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดๆ จากประสบการณ์ตรงเลยว่า ประสิทธิภาพจะตกลงไปแบบรู้สึกได้ ด้วยการใช้งาน MacBook Pro Retina 15 ในการเล่นเกม DOTA 2 โดยก่อนใส่เฟรมเรทจะอยู่ที่ประมาณ 50 -60 fps แต่พอใส่ฮาร์ดเคสเข้าไปแล้วพบว่าเฟรมเรทนั้นตกลงมาเหลือที่ประมาณ 30 fps เท่านั้น หรือบางช่วงเวลาก็รู้สึกกระตุกเลย หรือแม้แต่การใช้งานทั่วไปก็สังเกตได้จากพัดลมเครื่องว่าหมุนรอบจัดกว่าการ ไม่ใส่ฮาร์ดเคสพอสมควรทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าด้วยความที่ MacBook Pro Retina 15 หรือ MacBook Pro 15 ที่ติดตั้งชิปประมวลผล Core i7 และการ์ดจอแยก แน่นอนว่าทำให้เครื่องนั้น ปกติแล้วก็ร้อนกว่า MacBook Air หรือ MacBook Pro 13 อยู่แล้ว ทำให้เห้นผลได้ชัดกว่าเมื่อใส่ฮาร์ดเคส แต่ก็เชื่อได้ว่าหากเราไปใส่ฮาร์ดเคสกับ MacBook Air หรือ MacBook Pro 13 แล้ว เครื่องต้องทำงานหนักและประสิทธิภาพตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ไม่ใส่ฮาร์ดเคสจะดีที่สุด แต่ถ้าใครกังวลก็ใส่ได้ แต่ก็ต้องรับในเรื่องข้อเสียที่จะเกิดขึ้นให้ได้เหมือนกัน

4. Mac ติดซิลิโคนคีย์บอร์ดเพื่อกันฝุ่น

แม้ว่าซิลิโคนคีย์บอร์ดของ Mac และ MacBook ที่ผลิตโดยผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมชั้นนำจะออกแบบมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของความเข้ากันของแต่ละปุ่มแต่ละช่องบน Mac รวมไปความสวยงามและวัสดุที่นำมาใช้ผลิตก็เป็นวัสดุชั้นดี ซึ่งข้อดีของการใช้งานซิลิโคนคีย์บอร์ดก็คือ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้ตกลงไปในช่องว่างของคีย์บอร์ดรวมไปถึงไม่ให้ ปุ่มอักษรบน Mac ลอกอีกทั้งยังเสริมความสวยงาม ที่ในความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าเรื่องฝุ่นช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไงเรื่องของฝุ่นก็คงหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน ข้อแนะนำก็คือให้หลีกเลี่ยงใช้ Mac บริเวณที่ฝุ่นเยอะ หรือยังไงก็ซื้อลูกยางเป่าลม มาค่อยเป่าไว้ก็จะดีกว่า
สำหรับข้อเสียในส่วนของคนที่ใช้ซิลิโคนคีย์บอร์ดของ MacBook ก็คือ ทำให้ระบายความร้อนได้แย่ลง แม้หลายๆ คนอาจจะคิดว่าช่องระบายความร้อนบนเครื่อง Mac ที่ติดตั้งมาให้ในโน้ตบุ๊กก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่อันที่จริงต้องเข้าใจว่าธรรมชาติของอากาศร้อนนั้นจะลอยขึ้นที่สูงแล้วการ นำแผ่นซิลิโคนมาปิดไว้เหนือแป้นคีย์บอร์ดจะทำให้ความร้อนติดอยู่ที่แผ่นซิลิ โคนและย้อนกลับเข้าไปในเครื่อง ทำให้ตัวเครื่องเกิดความร้อนสูงขึ้นและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ที่สำคัญ MacBook Air และ MacBook Pro นั้น ทาง Apple ได้มีการออกแบบให้เป็นช่องทางของลมเย็นเข้าไป เพื่อไปเป่าออกตรงช่องระบายความร้อนล่างจออีกทีหนึ่งนั่นเอง นอกจากนี้แล้วซิลิโคนคีย์บอร์ดก็เป็นตัวสกปรกและดักฝุ่นเสียเองอีกด้วย 
อย่างไรก็ตามการที่ขัดขวางการระบายความร้อนด้วยการติดซิลิโคนคีย์บอร์ด อาจจะไม่เห็นผลชัดเจนเท่ากับการใส่ฮาร์ดเคส แต่ถ้าเป็นไปได้หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้ว ก็ลองพิจารณากันดูเองนะครับ ว่าเราจะทำร้าย Mac สุดที่รักของเราด้วยตัวเราเองหรือเปล่า (เว้นแต่กรณีใช้งานเป็นคีย์บอร์ด Mac แบบต่อแยก จะติดซิลิโคนก็ติดไปเถอะ ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว)

5. Mac ไฟดูดเพราะเครื่องไฟรั่ว

ก่อนที่จะทำความเข้าใจว่าใช้งาน Mac แล้วทำไมไฟดูด ที่เชื่อได้ว่าหลายคนต้องพบเจอ ก็ต้องไปทำความรู้จักการเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ของ MacBook กันก่อน ที่ทาง Apple เรียกชื่อพอร์ตการเชื่อมต่อว่า Magsafe เพราะเป็นการเชื่อมต่อด้วยแม่เหล็ก ทำให้เเวลาถอดเข้าถอดออกทำได้สะดวก รวมไปถึงกรณีเดินเตะสายไฟ ตัวเครื่องก็จะไม่ตกลงไปด้วย โดยตัวของอแดปเตอร์เองมีการออกแบบให้สามารถพันสายที่ยาวเกินใช้งานได้ (เป็นข้อดีที่ใช้งานได้จริง)
นอกจากนี้ในชุดจัดจำหน่ายของ MacBook จะมาพร้อมกับหัวปลั๊กเชื่อมต่อ 2 แบบด้วยกัน แบบแรกจะเป็นแบบ 2 ขา ซึ่งเราสามารถสลับหัวปลั๊กไปมาอย่างง่ายๆ ด้วยการเลื่อนออก  อีกแบบหนึ่งก็จะเป็นแบบสายยาว ที่มีหัวเป็นแบบ 3 ขา รองรับการเชื่อมต่อไฟที่มีการติดตั้งสายดินเพิ่มเข้ามา ส่วน iMac หรือ Mac mini นั้นจะให้สายไฟแบบ 3 ขามาอยู่แล้ว
ซึ่งหากใครพบปัญหาโลกแตกว่าทำไมใช้งานเครื่อง Mac ที่ไม่ว่าจะเป็น Mac หรือ MacBook ก็ตาม ไฟก็จะดูดเวลาที่เราไปแตะตัวเครื่อง ก็ขอแนะนำว่าหากบ้านใครเดินระบบไฟแบบมีสายดินเอาไว้ ซึ่งสังเกตง่ายๆ ว่าจะเป็นปลั๊กแบบ 3 รู  ก็ให้ใช้ปลั๊กแบบ 3 ขา เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วจากตัวเครื่อง จากการที่ตัวเครื่องเป็นโลหะ ส่วนถ้าบ้านไหนยังเป็นแบบปลั๊ก 2 รูทั้งบ้านอยู่ แสดงว่าไม่ได้ติดสายดินเอาไว้
ก็คงจำเป็นต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้าอย่างพรมหรือเก้าอี้ตัวเล็กมารอง ที่เท้าขณะใช้งาน MacBook รวมไปถึง Mac ที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งหมด เพื่อป้องกันไฟฟ้ารั่วออกมา ซึ่งถือแม้จะรั่วเพียงเล็กน้อยที่บางคนอาจจะทนได้ แต่หลายๆ คนก็อาจจะเกิดอาการรำคาญหรือต้องใช้งานระวังไม่ให้เท้าแตะพื้นอยู่ตลอดเวลา
เรียกได้ว่าการที่เครื่อง Mac นั้นมีไฟฟ้ารั่วออกมาคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถแก้ไขปัญหาได้นะครับ เพราะบอกไว้ก่อนว่าโดนไฟดูดบ่อยๆ ไม่ดีนะครับ เดี๋ยวเป็นหมันกันพอดี (ฮา)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ บทความ 5 เรื่องโง่ของคนใช้ Mac ที่คุณควรรู้ !!! ที่เชื่อว่าคงโดนใจไปหลายๆ คนแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Mac, Macbook หรือ OS X เอาเป็นว่าใครสงสัยหรืออยากแชร์ความคิดเห็นอะไรหลังจากนี้ ก็สามารถโพสลงที่บทความนี้ได้เลย ทางผู้เขียนจะมาร่วมพูดคุยแบ่งบันความคิดเห็นอีกทีครับ
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สื่อนอกตั้งคำถาม “ทำไมพารากอนติดอันดับ 1 สถานที่ที่มีคนถ่ายรูปลง IG มากที่สุดในโลก?

สื่อนอกตั้งคำถาม “ทำไมพารากอนติดอันดับ 1 สถานที่ที่มีคนถ่ายรูปลง IG มากที่สุดในโลก?

จากข่าวที่เราเพิ่งนำเสนอไปว่า สยามพารากอน ขึ้นแท่นเป็นสถานที่ยอดนิยมอันดับ 1 จากการแชร์ภาพบน Instagram มากที่สุด  ซึ่งชาวไทยอย่างเราๆผู้คุ้นเคยกับการถ่ายรูปแทบทุกขณะจิตของชีวิตคงไม่ รู้สึกแปลกใจอะไรกับผลสำรวจอันนี้นัก  แต่สำหรับชาวต่างชาติที่ยังเข้าใจว่าประเทศไทยเรานั้นขี่ช้างไปเรียนหนังสือ คงเกิดความสงสัยใคร่รู้ว่าพารากอนมีอะไรดีถึงได้มีคนถ่ายรูปกันให้มากมายนัก
เว็บไซต์ TheNextWeb ได้เขียนบทความที่มีชื่อว่า Why is a shopping mall in Thailand Instagram’s most photographed place in 2013? เพื่ออธิบายเหตุผลว่าทำไมพารากอนบ้านเราถึงเป็นสถานที่ที่มีการแชร์ภาพบน Instagram มากที่สุดในโลก  ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวก็บอกว่ามีเหตุผลหลายประการประกอบกัน
ประการแรกคือ Instagram เป็นแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างมากสำหรับคนเมืองบ้านเรา  แทบทุกคนที่เป็นเจ้าของ Smartphone จะต้องมีแอพนี้อยู่ในมือถือ(หรือไม่จริง?)  และ Instagram ยังเป็นที่นิยมในหมู่ดาราและเซเลบทั้งหลายแหล่  ยกตัวอย่างเช่น  “” ดาราสาวชาวไทยที่มีคนตาม Follow ใน Instagram มากที่สุดถึง 1.8 ล้านคน  ซึ่ง Instagram ของอั้มนั้นมีคนตาม Follow มากกว่าแฟนเพจบน Facebook ของเธอเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนั้นแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าชนชาติไทยเรานั้นบ้าถ่ายรูปไม่แพ้ชาติใดในโลก  เพราะขนาดไปเดินชุมนุมประท้วง  เราก็ยังไม่ลืมที่จะหยิบมือถือมาแชะแอนด์แชร์กันสนุกสนานจนต่างชาติงงไปแล้วรอบหนึ่ง  แถมเรายังเป็นชาติที่ไม่เคยเกรงกลัวว่าใครจะรู้ว่าเราอยู่ไหน  ต้องป่าวประกาศตลอดเวลาว่าฉันอยู่ไหนด้วยการติด Location ไปตอนอัพโหลดรูปด้วย
และประการสุดท้าย  เราคงต้องยอมรับว่าพารากอนเป็นห้างที่น่าถ่ายรูปมากที่สุดห้างหนึ่งของ ประเทศไทยเรา  ด้วยขนาดที่ใหญ่ติดอันดับเอเชีย  และเป็นแหล่งรวมทุกสิ่งอย่างภายในห้างห้างเดียว  ทั้ง Siam Ocean World  ทั้งโรงภาพยนตร์  ทั้งParagon Hall ที่เป็นสถานที่จัดงานแสดงต่างๆตลอดทั้งปี  และสารพัดร้านอาหารเก๋ๆเริ่ดๆอีกนับไม่ถ้วน  จึงไม่น่าแปลกใจที่จะอยากหยิบมือถือมาถ่ายอวดเพื่อนๆกันอย่างสนุกสนาน
…แหม่ งานนี้ก็ต้องบอกว่า “ชาติไทยทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก” เสียจริงๆนะค่ะ
สนับสนุนเนื้อหา: Arip

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ชาวเน็ตบ่น..!! ไอรอนแมน โผล่ช่อง 7 ติงเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์

ชาวเน็ตบ่น..!! ไอรอนแมน โผล่ช่อง 7 ติงเข้าข่าย

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์เมื่อละครเรื่อง แม่ค้า ที่ออกอากาศทางช่อง 7 ช่วงเย็น ได้มีฉากหุ่นยนต์ที่มีลักษณะคล้ายตัวละครจากภาพยนต์ชื่อดังของฮอลลีวูดเรื่องไอรอนแมนออกมาสู้กับคนร้าย ทำให้ชาวเน็ตออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิเพราะนี้อาจกลายเป็นเรื่องละเมิดลิขสิทธ์ที่เลียนแบบตัวละครดังจากฮอลลีวูด ทั้งยังเป็นกลายทำลายภาพลักษณ์ของตัวละครที่กลายเป็นตัวตลก
นอกจากละครเรื่องแม่ค้าที่มีตัวละครที่คล้ายไอรอนแมนปรากฎในเรื่องแล้ว ยังเคยมีละครเรื่องสื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 ที่ออกอากาศทางช่อง 3 มีตัวละครแต่งตัวคล้ายไอรอนแมนปรากฎในฉากเช่นกัน ซึ่งครั้งในทางช่อง 3 ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตเหมือนกัน และก่อนหน้านี้ช่อง 7 ก็เคยถูกวิพากวิจารณ์ด้านเทคนิคพิเศษที่ไม่สมบูรณ์ในละครเรื่อง ธิดาพญายม มาแล้ว
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ผู้ใช้ iPhone 5s บางรายเริ่มมีปัญหา Touch ID เสื่อมสภาพ

ผู้ใช้ iPhone 5s บางรายเริ่มมีปัญหา Touch ID เสื่อมสภาพ

ดร. Drang วิศวกรที่ปรึกษารายหนึ่ง ได้รายงานว่าเขาพบว่าเซ็นเซอร์ Touch ID บน iPhone 5s ของเขาเริ่มมีความแม่นยำลดลงหลังจากใช้งานไปได้สักระยะ
ผมใช้ระบบ Touch ID ตั้งแต่ซื้อ iPhone 5s มาตอนกลางเดือนตุลาคม ผมชอบมันนะ เพราะมันทำให้ปลดล็อคเครื่องได้เร็วกว่าการสไลด์กับการใช้รหัสผ่าน แต่ช่วงหลังผมต้องป้อนลายนิ้วมือของผมใหม่ไปสองสามครั้งแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็เป็นไปแล้วว่าเซ็นเซอร์ดูเหมือนจะเสื่อมลง อาทิตย์นี้ผมก็ลองป้อนลายนิ้วมือเข้าไปใหม่ แล้วมันก็ใช้งานได้เร็วดีและแม่นยำเหมือนตอนเพิ่งซื้อเครื่อง หลังจากนั้นมันก็กลับมาเป็นอีก ผมเริ่มจะรำคาญมันแล้ว
John Gruber จากเว็บไซต์ Daring Fireball ก็ได้บอกว่าเขาได้รับรายงานปัญหานี้จากผู้อ่านหลายรายบนเว็บไซต์ของเขาด้วยเช่นกัน แต่ตัวเขาเองไม่ได้ประสบปัญหานี้
Drang ให้ความเห็นว่ามันอาจจะเกิดจากที่ตัวเซ็นเซอร์ทำการเรียนรู้ลายนิ้วมือของผู้ใช้ในทุกๆ ครั้งที่มีการสแกน ทำให้บางทีจึงเกิดความผิดพลาดขึ้น
ที่มา: iClarified
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ
บทความโดย: 
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปล่อยสมาร์ทโฟน“ งีบ” บ้างเพื่อประหยัดแบตฯ

ปล่อยสมาร์ทโฟน“ งีบ” บ้างเพื่อประหยัดแบตฯ

นักวิจัยในอังกฤษแนะนำ ด้วยการสั่งให้มัน Sleep โดยเฉพาะหากอยู่ในบริเวณที่มีคนใช้ WiFi ร่วมกันจำนวนมาก
กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดุ๊กในประเทศอังกฤษ พบว่าสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ สิ้นเปลืองพลังงานจากแบตเตอรี่ คือการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตไร้สาย หรือ WiFi ทั้งนี้โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้เครือข่ายร่วมกันในบริเวณเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งอุปกรณ์แต่ละเครื่องต้องแย่งชิงกันเพื่อรับสัญญาณ ระหว่างการดาวน์โหลดข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ เช่นภาพ,เพลง หรือวิดิโอ ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ของอุปกรณ์หมดเร็วมาก
จัสติน มานวีลเลอร์ นักศึกษาปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ของมหาวิทยาลัยดุ๊กผู้ที่อยู่เบื้องหลังการศึกษานี้ บอกว่าวิธีที่ดีที่สุดในการประหยัดแบตเตอรี่ หากอยู่ในที่ซึ่งมีการใช้ WiFi หนาแน่นคือการสั่งให้อุปกรณ์เข้าสู่โหมด Sleep และนั่นคือหลักการที่ทำให้มีการพัฒนาระบบจัดการ SleepWell ขึ้น ซึ่งระบบ SleepWell จะทำให้การใช้สัญญาณ WiFi ที่หนาแน่น มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอุปกรณ์ที่ไม่ได้เปิดใช้ WiFi จะเข้าสู่โหมด Sleep ขณะที่อุปกรณ์ที่กำลังใช้ WiFi จะได้รับการจัดการทราฟฟิก เพื่อ หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดข้อมูลพร้อมกันของแต่ละอุปกรณ์ ซึ่งแต่ละเครื่องจะดาวน์โหลดได้อย่างเต็มความเร็วของ WiFi
SleepWell ได้รับการจับตามองว่าจะเป็นหลักการสำคัญที่จะช่วยพัฒนาระบบ WiFi แห่งอนาคต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเชื่อมต่อของอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยเฉพาะ iPhone,iPad และอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมของสมาคมคอมพิวเตอร์นานาชาติ ว่าด้วยเทคโนโลยีสื่อสารเคลื่อนที่ และระบบปฏิบัติการ (MobiSys) ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ของสหรัฐฯ
Source : AFP Relaxnews
สนับสนุนเนื้อหา : voicetv.co.th

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2013

ใกล้จะหมดปี 2012 แล้ว...ในช่วงทั้งปีที่ผ่านมาก็ได้มีการเปิดตัวเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย ทั้งเทคโนโลยีที่พัฒนาจากของเดิม และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของโลกได้ทยอยกันออกมาให้ได้ยลโฉมกัน
และมีบางอย่างเป็นไปตามที่เราได้คาดการณ์กันว่ายังไง ก็ต้องติด 1 ใน 10 ของยอดนวัตกรรมที่เด็ดที่สุดในปี 2013 เรามาดูกันดีกว่าว่ารายชื่อทั้ง 10 อันดับที่มาวินในปีนี้นั้นมีอะไรที่ตรงกับใจกันบ้าง?
10. iOS 7 ตัวล่าสุด มาพร้อมหน้าตาแปลกใหม่
เชื่อว่าหลายๆ ที่ใช้สินค้ามนเครือผลิตภัณฑ์ ของ Apple คงจะได้สัมผัสกับ iOS 7 ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Apple ที่จะปล่อยให้ใช้งานอย่างเป็นทางการวันนี้ เมื่อวันที่ 18 กันยายน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!! iOS 7 รุ่นใหม่ล่าสุดนั้นมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Notification Sync, ระบบนำทางด้วยเสียง แบบเดินเท้า, Night Mode, Control Center, Camera กล้องถ่ายรูปอินเทอร์เฟสใหม่ ใส่ฟิลเตอร์ให้ภาพถ่ายได้แล้ว , Photos เปลี่ยนไอคอนใหม่ เพิ่มรายละเอียดสถานที่ และวันเดือนปีที่ถ่ายภาพ แผนที่โหมดกลางคืน และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งก่อนที่จะทำการดาวน์โหลด และอัพเดทเป็น iOS 7 เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลที่มีในเครื่อง เราควรจะทำการ back up ก่อนเสมอครับ และก่อนที่จะทำการ back up ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเสียก่อน ดังนี้
• อุปกรณ์ iDevice เช่น iPhone, iPod Touch หรือ iPad
• iTunes เวอร์ชั่นล่าสุด (ดาวน์โหลด iTunes คลิ๊กที่นี่)
• สาย USB data สำหรับซิงก์ข้อมูล
9. 3D Printers

การพิมพ์ภาพ 3D เป็นกระบวนการพิมพ์ภาพ 3D ให้มีรูปร่างเหมือนของจริงจากรูปแบบดิจิตอลการพิมพ์ภาพ 3D คือความสำเร็จในกระบวนการเติมแต่ง วัสดุที่วางของแต่ละชั้นจะมีรูปร่างที่แตกต่างกัน การพิมพ์ภาพ 3D เป็นการพิจารณาความแตกต่างจากเทคนิคของเครื่องจักรเดิม ซึ่งส่วนใหญ่การกำจัดวัสดุจะใช้วิธีการเช่น การตัดหรือการเจาะ(กระบวนการลด) เครื่องพิมพ์ที่ดำเนินการพิมพ์ภาพ 3D จะใช้กระบวนการเทคโนโลยีดิจิตอล ตั้งแต่ทศวรรษ 21 ที่มีการเจริญเติบโตในการขายเครื่องจักรเหล่านี้และราคาได้ปรับลดลงอย่างมาก
เทคโนโลยีที่ใช้สำหรับสร้างต้นแบบและผลิตเครื่องประดับ,รองเท้า, ออกแบบอุตสาหกรรม, สถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง,อุตสาหกรรมยานยนต์,การบินและอวกาศ,ทันตกรรมและการแพทย์,การศึกษาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์,วิศวกรรมโยธาและสาขาอื่นๆ (ที่มา: maximumdev.com)
8. Nokia Tablet แท็บเล็ตสุดเจ๋งรุ่นแรกจากจากโนเกีย
สิ้นสุดการรอค่อย สำหรับการเปิดตัว Nokia Lumia 1520 Phablet รุ่นแรกของโนเกียที่มาพร้อมหน้าจอ 6 นิ้ว และกล้อง 20 ล้านพิกเซล Lumia 1520 ถือว่าเป็น Phablet รุ่นแรกของโนเกีย
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (Full HD)
- หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor (Snapdragon 800 chipset)
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 32GB รองรับ microSD card สูงสุด 64GB
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- กล้องด้านหลังแบบ PureView ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รองรับระบบ OIS
- รัน Windows Phone 8 GDR3
- ตัวเครื่องทำมาจากโพลีคาร์บอเนต มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเหลือง, แดง และขาว
- มีไมโครโฟน 4 ตัว
- รองรับ LTE, Bluetooth 4.0 และ NFC
- น้ำหนัก 209 กรัม
- แบตเตอรี่ขนาด 3400 mAh รองรับการชาร์จแบบไร้สาย เปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ได้
7. MAC PRO
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Mac Pro ที่หลังจากที่มีการนำมาพูดถึงครั้งแรกในงาน WWDC 2013 ราคาที่ออกมาคือ 2,999 เหรียญสหรัฐฯ โดยจะเริ่มวางขายในช่วงเดือนธันวาคมนี้
ราคา Mac Pro นั้นคือ
Quad-Core and Dual GPU
  • 3.7GHz Quad-Core Intel Xeon E5 processor
  • 12GB 1866MHz DDR3 ECC memory
  • Dual AMD FirePro D300
  • with 2GB GDDR5 VRAM each
  • 256GB PCIe-based flash storage
  • ฿ 99,900.00
6-Core and Dual GPU
  • 3.5GHz 6-Core Intel Xeon E5 processor
  • 16GB 1866MHz DDR3 ECC memory
  • Dual AMD FirePro D500 with 3GB GDDR5
  • VRAM each
  • 256GB PCIe-based flash storage1
  • ฿ 132,900.00
เป็นผลิตภัณฑ์นอกสายตา ที่ไม่มีใครคาดคิดว่า จะนำมาเปิดในงาน WWDC ครับ กับ Mac Pro 2013 เดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูง ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ทั้งบอดี้ และสเปคภายใน ซึ่ง Mac Pro รุ่นก่อนหน้า เปิดตัวเมื่อปี 2003 ก่อนจะมาเปิดตัวรุ่นปัจจุบัน ใช้เวลาพัฒนาถึง 10 ปีเลยทีเดียว
6. Samsung Galaxy Watch
หลังจากมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับ Samsung Galaxy Watch ออกมาอย่างต่อเรื่อง ในที่สุดทาง Samsung ก็ได้เปิดตัว Samsung Galaxy Gear smartwatch อย่างเป็นทางการแล้วในปี 2013  Galaxy Gear นาฬิกาข้อมือไฮเทค ผลิตจาก สแตนเลส หน้าจอขนาด 1.63 นิ้ว และมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล ซึ่งมีการประกาศราคาออกมาที่ 299 ดอลลาร์
คุณสมบัติพื้นฐาน Galaxy Gear
  • หน้าจอขนาด 1.63 นิ้ว ความละเอียด 320×320
  • ตัวบอดี้เป็นสแตนเลส
  • ซีพียู 800MHz Exynos single-core
  • รองรับ Bluetooth 4.0 LE
  • เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Galaxy อื่นๆ ได้
  • แบตเตอร์นี่ใช้ได้นาน 1 วัน
  • ความจุภายใน 4GB
  • กล้องถ่ายรูปความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล,อัดวีดิโอได้ 720p
  • มีลำโพงและไมค์ในตัว
5. iPad Air สุดยอดแห่งแท็บเล็ตจากแอปเปิล
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ iPad Air หรือ iPad 5 ที่มีการออกแบบใหม่ ดีไซน์คล้าย iPad mini โดดเด่นด้วยตัวเครื่องที่บางลง ซึ่งความหนาของ iPad Air นั้น เท่า iPad mini ครับ ที่ 7.5 มิลลิเมตร แต่ขนาดหน้าจอเท่าเดิมที่ 9.7 นิ้ว และด้วยตัวเครื่องที่บางลง ทำให้ iPad Air (iPad 5) มีน้ำหนักที่เบาลงด้วย เพียง 469 กรัมเท่านั้น ทำให้การพกพา สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
และ iPad Air ยังมาพร้อมกับ ซีพียู Apple A7 แบบ 64-bit และชิปประมวลผล M7 motion ถือว่าเป็นแท็บเล็ตตัวแรกของโลกที่ใช้ซีพียูประมวลผลแบบ 64-Bit (มันสุด เพราะเป็น แท็บเล็ตตัวแรกของโลกที่ใช้ซีพียูประมวลผลแบบ 64-Bit ครับ)
4. BAW SYSTEMS' FLYING TESTBED
เครื่องบินของบริษัท ที่สร้างเครื่องบินให้แก่กองทัพอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์ในเดือน พฤษภาคม ด้วยการบินเหนือน่านฟ้าพลเรือน ในสหราชอาณาจักรโดยปราศจากคนขับ อีกไม่นานมันจะทดสอบระบบหลีกเลี่ยงสภาพอากาศแย่ๆ ที่ทำงานโดยอัตโนมัติเป็นครั้งแรกของโลก และน่าจะจำกัดปัญหากระแสอากาศแปรปรวนปละการเผชิญกับหลุมอากาศขณะโดยสาร เครื่องบินได้ในอนาคต
3. Google Glass แว่นตาแห่งโลกอนาคต
Google Glass แว่นตาอัจฉริยะ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Google เทคโนโลยีสุดล้ำแห่งอนาคตที่หลายคนต้องทึ่งไปกับความสามารถ
Google Glass นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Android, ด้านหน้ามีหน้าจอแสดงผลเล็กๆ หน้าจอนี้มีตัวตรวจจับการเคลื่อนไหว, การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมี GPS, และระบบ 3G หรือไม่ก็ 4G, มี Wi-Fi และ Bluetooth หลายๆ ฟังชั่น ของ Google Glass เหมือนกับระบบ Smartphone รุ่นใหม่ สามารถเชื่อมต่อส่งข้อมูลกันได้ ผ่านทาง Wi-Fi หรือ Bluetooth 4.0, ด้านหน้ามีกล้องสำหรับถ่ายภาพและวีดีโอ
ราคาของ Google Glass รุ่น Explorer จะวางจำหน่ายอยู่ที่ $1,500 หรือประมาณ 44,800 บาท โดยผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อจะต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เท่านั้น (ที่มา: www.uni.net.th)
2. iPhne 5s เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสเร็วแรง
หากในปี 2013 จะไม่มีชื่อ iPhone 5s สมาร์ทโฟน ชิปเซ็ต Apple A7 ที่มากับซีพียู (CPU) 64-bit เข้ามาเป็นหนึ่งใน สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2013 ก็คงมีคนเข้ามาถามแน่นอน
การเปิดตัว iPhone 5S นั้นทำให้พูดได้ว่า iPhone 5s เป็นสมาร์ทโฟน 64-bit เครื่องแรกของโลก พร้อมทั้งข่าวที่ออกมาคู่แข่งเบอร์หนึ่งอย่าง Samsung เป็นคนผลิต ซีพียู (CPU) 64-bit ให้ทาง Apple ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะนำมาใส่ให้กับ iPhone 5s ครับ
1. Flexible Display เทคโนโลยีจอโค้งงอได้ของหน้าจอสมาร์ทโฟน
หลายๆ ค่ายได้ออกมาโชว์นวัตกรรมหน้าจอโค้งงอ Flexible Display กันแล้ว และส่วนใหญ่ก็ชี้เป้า พร้อมเน้นไปที่สมาร์ทโฟน ซึ่งตอนนี้นั้นถือเป็นนวัตกรรมที่เริ่มมีหลายๆ ค่ายออกตัวผลิตกันไปแล้วไม่ว่าจะเป็น Samsung หรือ LG โดยทั้ง 2 ค่ายกำลังปลุกกระแสของสมาร์ทโฟนจอโค้งงอด้วยการเปิดตัว Galaxy Round กับ LG G Flex ไปเมื่อไม่นานนี้
ซึ่งการเปิดขายเฉพาะในเกาหลีเสมือนเป็นทดสอบตลาดและเสียงตอบรับจากผู้ใช้ว่า จะออกมาในทิศทางใด แต่ถึงอย่างไรก็ตามยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ก็เปรยออกมาแล้วว่าเตรียมเดินหน้าเปิดตลาดอุปกรณ์จอโค้งงออย่างเต็มตัวในปี 2014
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Samsung Galaxy Gear กับบททดสอบความแกร่ง จะแน่แค่ไหน ต้องดู !!!!

 กับบททดสอบความแกร่ง จะแน่แค่ไหน ต้องดู !!!!

หนึ่งในการทดสอบอุปกรณ์พกพาโดยทั่วไปเรามักจะเห็นการ drop test เป็นส่วนใหญ่ น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นการทดสอบกับแก็ดเจ็ตประเภทต่างๆ แต่สำหรับ Richard Ryan ไม่คิดเช่นนั้น เพราะไหนๆ มีแก็ดเจ็ตเจ๋งๆ อย่าง Samsung Galaxy Gear ออกมาทั้งที มันก็คงอดใจไม่ได้ที่จะขอนำมาทดสอบความแข็งแกร่งกันดูเล็กน้อย
บททดสอบที่ Richard Ryan นำมาใช้กับ Samsung Galaxy Gear ในวันนี้ แบ่งเป็น 4 หัวข้อ ได้แก่ 1. ทดสอบการกันน้ำ 2. ทดสอบกับการหล่นลงบนพื้นดิน 3. ทดสอบกับการหล่นบนพื้นซีเมนต์ และ 4. การทดสอบด้วยปืนไรเฟิล ซึ่งแต่ละบททดสอบจะถูกบันทึกวีดีโอในแบบ Slow Motion และผลการทดสอบใน 3 ข้อแรกทำให้เราเห็นว่า Samsung Galaxy Gear การใช้สายหนังร่วมกับขอบอะลูมิเนียมและหน้าจอทัชสกรีน Super AMOLED ทำให้นาฬิกาอัจฉริยะมีความทันสมัยและความทนทานภายทำให้การทดสอบทั้ง 3 ข้อแรกไม่ส่งผลใดๆ ต่อ Samsung Galaxy Gear
แต่บททดสอบที่ 4 ด้วยปืนไรเฟิลคงไม่ต้องบรรยายกันให้มากความเพราะไม่ว่าอุปกรณ์ใด ก็ไม่มีทางรอดพ้นหัวกระสุนไปได้
สนับสนุนเนื้อหา: www.arip.co.th

.......... .......... .......... .......... ..........

เดลล์เปิดตัวโน้ตบุ๊ค เวิร์คสเตชั่นขนาดบางเฉียบที่มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม

เดลล์เปิดตัวโน้ตบุ๊ค เวิร์คสเตชั่นขนาดบางเฉียบที่มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม

• เดลล์ พรีซิชั่น M3800 คือโมบายล์ เวิร์คสเตชั่นขนาด 15 นิ้วที่บางที่สุด และเบาที่สุดของโลก 
• มาพร้อมกับหน้าจอ Quad HD+ ที่มีความละเอียดสูงสุด ให้ความสว่างอย่างเหลือเชื่อ เพื่อนำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ความเป็นจริง
• ประกอบด้วย โพรเซสเซอร์ อินเทล Core i7 Quad-Core กราฟิค NVIDIA Quadro และ ใบรับรองจากบริษัทกราฟฟิกแอพพลิเคชั่นชั้นนำ เพื่อการสร้างสรรค์ดิจิทัล คอนเทนท์ และการออกแบบอย่างไร้รอยต่อ
height=368
กรุงเทพ ประเทศไทย 4 ธันวาคม 2556 – เดลล์เปิดตัว เดลล์ พรีซิชั่น M3800 โมบายล์ เวิร์คสเตชั่นขนาด 15 นิ้วที่ทรงพลัง บาง และเบาที่สุด ด้วยการผสานการออกแบบที่สวยงามเข้ากับรูปทรงขนาดบางและพร้อมด้วยสมรรถนะของเวิร์คสเตชั่น เดลล์ได้มอบระบบที่แข็งแกร่งสำหรับวิศวกร และผู้ผลิตดิจิทัล คอนเทนท์ที่กำลังมองหาเครื่องที่สามารถพกพาได้ ทรงพลัง พร้อมการดีไซน์ที่มีสไตล์ เหมาะสมกับภาพลักษณ์ และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
“เดลล์มีประวัติอันยาวนานในการส่งมอบเวิร์คสเตชั่นพร้อมสมรรถนะที่ล้ำสมัยให้กับลูกค้าในกลุ่มงานวิศวกรรม และการสร้างสรรค์ดิจิทัล คอนเทนท์” จอน เพดดี ประธาน บริษัท จอน เพดดี รีเสิร์ช กล่าว “หลังจากที่ได้เห็นเดลล์ พรีซิชั่น M3800 อัลทรา-ธิน โมบายล์เวิร์คสเตชัน มันแหมือนกับการตกหลุมรักอีกครั้งหนึ่ง

ตัวเครื่องมีทุกอย่างที่ผมต้องการสำหรับโน้ตบุ๊คที่ทรงพลังเครื่องหนึ่ง พร้อมทั้งซูเปอร์ โพรเซสเซอร์ และ GPU จอขนาดใหญ่พร้อมความละเอียดสูง น้ำหนักเบา มีช่อง I/O จำนวนมาก พร้อมสปีคเกอร์ และกล้องที่ทรงประสิทธิภาพ แล้วทำไมถึงจะไม่รักล่ะ? ด้วยเครื่องรุ่น M3800 ผมไม่จำเป็นที่จะต้องสละสมรรถนะการทำงานของตัวเครื่องให้กับโมบิลิตี้ และดีไซน์ที่สวยงามอีกต่อไป”
height=454
ด้วยความบางที่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของขนาดนิ้ว หรือที่ขนาด 18 มิลิเมตร และน้ำหนักเริ่มต้นที่ 4.15 ปอนด์ หรือ 1.88 กิโลกรัม¹ ระบบระบายความร้อนคู่ (dual-cooling) เพื่อให้ notebook สามารถทำงานที่สมรรถนะสูงสุดได้ตลอดเวลา และแบตเตอรี่ย์ที่สามารถทำงานได้สูงถึง 10 ชั่วโมง 6 นาที² พร้อม NVIDIA® Optimus™ ที่เพิ่มขีดความสามารถสูงสุดให้กับแบตเตอรีย์เพื่อการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น เครื่อง M3800 ช่วยให้สามารถแก้ไขวิดีโอได้ในขณะถ่ายทำ นำเสนอความคิดบนโปรแกรม CAD ให้กับลูกค้าอย่างมีสไตล์ หรือเรนเดอร์อนิเมชั่น 3D ในขณะเดินทาง
“นักออกแบบของเราต้องเดินทางอยู่เป็นประจำเพื่อพบปะ และทำงานร่วมกับผู้ขาย และลูกค้า และเดลล์ พรีซิชั่น M3800 ก็มอบสมรรถนะการทำงานในระดับเวิร์คสเตชั่นเพื่อเพิ่มพลังให้กับซอฟท์แวร์ แอพพลิเคชั่นที่พวกเขาใช้งานพร้อมด้วยดีไซน์ของตัวเครื่องที่สวยงามที่เข้ากันกับสภาพแวดล้อมการทำงาน และการสร้างความประทับใจที่เราต้องการ” เคิร์ท สเปนซ์ ไคลอันท์ ดีไวซ์ เอนจิเนียร์ บริษัท ฟรีแมน กล่าว
height=504
สมรรถนะที่โดดเด่นในเวิร์คสเตชั่นที่บาง และเบา 
สมรรถนะที่ทรงพลังจากรูปทรงที่มีขนาดบาง เดลล์ พรีซิชั่น M3800 วางจำหน่ายพร้อมกับวินโดว์ 8.1 โปร (64 บิต) หรือวินโดว์ 7 โปรเฟสชันนอล (64 บิต) ที่มาพร้อมกับเมโมรี่ที่สามารถเพิ่มได้ถึง 16 กิกะไบท์³ และอินเทล Core i7-4702HQ 8 threaded quad-core โพรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่นที่ 4 พร้อมความเร็ว 3.2 กิกะเฮิร์ซสำหรับการรันซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่นได้อย่างสม่ำเสมอโดยไร้รอยต่อ
เครื่อง M3800 มาพร้อมกับ NVIDIA Quadro® K1100M GPU ที่มี เมโมรี่ GDDR5 เฉพาะ 2 กิกะบิต³ สำหรับการมองเห็นภาพพร้อมด้วยประสบการณ์ที่สมบูรณ์ด้วยซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่นด้านกราฟิคที่แข็งแกร่ง
เดลล์ พรีซิชั่น M3800 คือโมบายล์เวิร์คสเตชั่นขนาดบาง และเบาเครื่องแรก และเครื่องเดียวที่มอบพลังของNVIDIA Quadro GPUs บน Kepler ซึ่งเป็นโปรเฟสชันนอล กราฟิคของอุตสาหกรรม” ซานดิพ กัพเต ผู้อำนวยการอาวุโสด้านโพรดัคส์ มาร์เก็ตติ้ง สำหรับ Quadro โปรเฟสชันนอล กราฟิค บิสซิเนส ของ NVIDIA กล่าว “ด้วยวิดีโอ เมโมรี่ 2 กิกะบิต ใน NVIDIA Quadro K1100M GPU เดลล์ พรีซิชัน M3800 มอบสมรรถนะที่แข็งแกร่ง และประสบการณ์การมองเห็นที่สมบูรณ์แบบสำหรับแอพพลิเคชั่นที่เน้นหนักด้านกราฟิคที่มืออาชีพด้านการสร้างสรรค์ต่างรอคอย”
height=172
เพื่อจัดการไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ในระหว่างการเดินทาง เดลล์ พรีซิชั่น M3800 มอบองค์ประกอบสตอเรจที่หลากหลาย รวมถึงดีไวซ์สตอเรจ 2 แบบพร้อมด้วยสตอเรจสูงสุดที่ 1.5 เทราไบท์⁴ (HDD SSHD หรือ SSD) โดยหนึ่งคือไดรวฟ์ 2.5-นิ้ว และหนึ่งคือดีไวซ์ Mini-Card storage (mSATA).
“ในขณะที่พื้นที่การทำงานแบบดั้งเดิมพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าเวิร์คสเตชั่นของเราต่างต้องการระบบสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่มากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถสละสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่นที่สำคัญได้” นายเอกราช ปัญจวีณิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

“ด้วยการเปิดตัวของ M3800 เราไม่เพียงสามารถส่งมอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการ แต่ยังรวมถึงการมอบมาตรฐานใหม่สำหรับโมบายล์ เวิร์คสเตชั่นด้วยตัวเครื่องขนาดบาง พร้อมสมรรถนะที่โดดเด่น และหน้าจอ QHD ที่ความละเอียดสูงสุดสำหรับการออกแบบ การสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกับลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงาน หรืออยู่ระหว่างการเดินทางก็ตาม”
M3800 ได้ปรับแต่ง และเพิ่มสมรรถนะการทำงานสำหรับแอพพลิเคชั่นด้านมีเดีย เอนเตอร์เทนเม้นท์ วิศวกรรม และการออกแบบชั้นแนวหน้า อาทิ แอพพลิเคชั่นใน Adobe Creative Cloud, Autodesk Entertainment Creation Suite and AutoCAD, Inventor and Revit, Avid Media Composer, Dassault Catia and Solidworks, PTTCreo, Siemens NX and Team Center,และอื่นๆ ทำให้มั่นใจได้ว่าแอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดจะทำงานตามที่ได้รับการออกแบบมา และมาพร้อมกับเดลล์ โปรซัพพอร์ต เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการได้รับการดูแลจากช่างผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคตลอด 24/7 ทั่วโลก
height=497
ดีไซน์ที่สวยงาม และการมองเห็น 
เดลล์ พรีซิชั่น M3800 ได้รับการออกแบบมาให้มีสมรรถนะในระดับอุตสาหกรรมด้วยกรอบอลูมิเนียม คาร์บอน ไฟเบอร์ แชสซีที่แข็งแกร่ง และมีน้ำหนักเบา พร้อมจอแสดงผลที่ทำจาก Corning Gorilla NBT Glass พร้อมด้วยระบบสัมผัสทั้งห้านิ้วมือบนทุกระบบ การมองรายละเอียดสามารถทำได้ง่ายดายด้วยหน้าจอ UltraSharp ขนาด 15.6 นิ้วที่มาพร้อมกับ QHD+ (3200 x 1800) หรือ FHD (1920 x 1080) เครื่อง M3800 สามารถเชื่อมเข้ากับ UltraSharp 32 มอนิเตอร์ขนาด 31.5 นิ้วสมรรถนะสูง พร้อม Ultra HD ที่ความละเอียด 3840 x 2160 ที่กำลังจะมาในปีนี้ เพื่อการผสมผสานสองหน้าจอของเวิร์คสเตชั่นที่ทรงพลัง
เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนการทำงานจากระหว่างการเดินทางมาเป็นนั่งโต๊ะในสำนักงานทำได้ง่ายขึ้น เครื่อง M3800 มอบการสนับสนุนเอ็กเทอร์นอล มอนิเตอร์ด้วยเดลล์ D3000 USB 3.0 Docking Stationเพื่อเป็นทางเลือก สำหรับลูกค้าที่ต้องการเชื่อมต่อเข้าสู่อีเธอร์เน็ทความเร็วสูง M3800 ทุกเครื่องมาพร้อมกับยูเอสบี หรือ RJ-45 ดองเกิ้ล นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบให้มาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบ backlit เต็มขนาด ช่องเสียบยูเอสบี พาวเวอร์พอร์ต 4 ช่อง (3 USB 3.0 และ 1 USB 2.0) ทัชแพดขนาดใหญ่ วิดีโอ เวบแคมแบบ HD และ เวฟ แมกซ์ออดิโอ โปร สูท เพื่อทูลส์เพิ่มประสิทธิภาพเสียงแบบแอดวานซ์
“เราทำวิดีโอ สตรีมมิ่งในพื้นที่ (on-location) ไว้จำนวนมาก และเครื่อง M3800 ก็ขจัดปัญหาด้านน้ำหนักที่เราเคยต้องแบกออกไป แต่เรายังคงพลังความสามารถในการประมวลผลเพื่อเข้ารหัสไลฟ์ HD วิดีโอ สตรีมไว้ด้วย” สตีเฟน เทเลอร์ ผู้จัดการด้านไอทีสำหรับเวบ เซอร์วิส ที่มหาวิทยาลัย Appalachian State “ที่สุดยอดที่สุดของหน้าจอ QHD+ ก็คือเราสามารถที่จะมอนิเตอร์ 1080p วิดีโอที่ความละเอียดเต็มพิกัดบนส่วนหนึ่งของสกรีนในขณะที่มอนิเตอร์ข้อมูลที่ส่งเข้ามาบนอีกหน้าจอหนึ่ง เมื่อพื้นที่ และน้ำหนักไม่ใช่ปัญหา สมรรถนะก็สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และนี่คือสิ่งที่ M3800 มอบให้เรา”
ความพร้อมในการวางตลาด และราคา
เดลล์ พรีซิชั่น M3800 จะพร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 14 พฤศจิกายน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.dell.com/speedoflight.

.......... .......... .......... .......... ..........